กลุ่มคนความหลากหลายทางเพศนั้น มีอยู่มาตลอดไม่ว่าจะอยู่อย่างเปิดเผย หรือหลบซ่อนก็ตาม เมื่อชุมชนเหล่านี้เติบโต และถูกพูดถึงในสังคมวงกว้าง คำจำกัดความในความเป็นเพศ มักจะถูกสร้างขึ้นที่แสดงถึงความเหมือนกันและความแตกต่าง

ขบวนการสิทธิเกย์และกลุ่มคนข้ามเพศ

ขบวนการสิทธิ LGBTQ+ ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 มีชื่อเรียกส่วนใหญ่ว่า "ขบวนการสิทธิเกย์" ซึ่งสะท้อนถึงคำว่าเกย์ที่ใช้สำหรับเพศและลักษณะทางเพศที่หลากหลาย เนื่องจากการเคลื่อนไหวแบบไบเซ็กชวล เควียร์ และทรานส์ในสหรัฐฯ เริ่มโดดเด่นมากขึ้นในช่วงปลายศตวรรษ จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้ตัวย่อที่เชื่อมโยงกลุ่มเหล่านี้ คำว่า LGBTQ+ จึงถือกำเนิดขึ้น ในประวัติศาสตร์มักกล่าวกันว่าหญิงข้ามเพศผิวดำ ขว้างอิฐก้อนแรกในเหตุการณ์สโตนวอลล์  รวมถึงการจลาจลและการต่อสู้ดิ้นรน การก่อนกำเนิดขบวนประท้วงในช่วงแรกๆ เหล่านี้ได้รับการต่อสู้ร่วมกันโดยผู้คนจากหลากหลายตัวตน

ในขณะที่ขบวนการสิทธิเควียร์กำลังก่อตัวขึ้น กลุ่มอัตลักษณ์ของ LGBT และกลุ่มนักเคลื่อนไหวก็พบกันโดยมีแนวคิดที่คล้ายกันในการแบ่งแยกเพศ ความดึงดูดใจ อัตลักษณ์ การนำเสนอ และบรรทัดฐานที่กว้างขึ้น แม้ว่าจะมีเพศและเพศสภาพที่แตกต่างกันก็ตาม กลุ่มเหล่านี้เข้าใจพลังของการเปลี่ยนแปลงที่มาจากการทำงานร่วมกัน พวกเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้ ดิ้นรนมาเพื่อนสิทธิ เสรีที่เหมือนกัน ในอดีต ทรานส์และคนที่มีความหลากหลายทางเพศต้องเผชิญกับความท้าทายและการเลือกปฏิบัติที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน เกิดขึ้นเนื่องจากชุมชนของเราซึ่งมักจะมารวมตัวกัน เริ่มตระหนักว่าพวกเราได้รับการเลือกปฏิบัติเพราะเพศที่แตกต่าง จึงจำเป็นต้องแสวงหาสิทธิในการปกครองตนเอง สิทธิ์เสรี และการตัดสินใจของเราเอง นี่คือจุดเชื่อมโยงพวกเราไว้ร่วมกัน

เราอาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันที่มีการมอบสิทธิเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ บางครั้งการต่อสู้เพื่อสิทธินั้นอาจจะใช้เวลายาวนานและบางเหตุการณ์อาจถูกลืมไปด้วยว่ากว่าจะได้สิทธินั้นมาเราเสียอะไรไปเท่าไหร่ในกลุ่มคนของพวกเรา

ทรานส์เป็นเรื่องรสนิยมทางเพศหรือไม่?

แม้ว่าเลสเบี้ยน เกย์ และไบเซ็กชวลจะเป็นเรื่องเพศวิถี หรือรสนิยมทางเพศ แต่ทรานส์กลับเป็นคำอธิบายของเพศสภาพ ทรานส์สามารถเป็นชาย หญิง หรือมีรสนิยมทางเพศที่หลากหลาย เกย์ ไบเซ็กชวล เลสเบี้ยน เควียร์ หรือเพศอื่นๆ ได้ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ตอนนี้ยังรวมทุกความหลากหลายได้ครบแล้วหรือยัง LGBTQAIN+

ในช่วงเวลาแต่ละยุคสมัยที่แตกต่างกัน ตัวอักษรย่อมีการเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมประสบการณ์ทางเพศอื่นๆ เช่น Queer, Asexual, Pansexual และความลื่นไหลทางเพศที่เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย ในขณะที่บางคนบ่นว่าตัวย่อยาวเกินไป และตัวตนที่รวมอยู่เหล่านี้ไม่มีอยู่จริง หรือเห็นความสำคัญ การใช้คำที่รวมเราทุกคนเข้าด้วยกัน เป็นวิธีที่ดีในการอ้างถึงประสบการณ์ที่เรามีร่วมกัน รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เช่นเดียวกับที่เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กช่วลและทรานส์สร้างคำย่อ LGBT และเพิ่มความหลากหลายต่างๆ เข้าไปเพิ่มเติมในเวลาต่อมา การใช้คำว่า Queer, LGBTQNAI+ (ที่มีเครื่องหมายบวกเป็นสัญลักษณ์ของตัวอักษรที่เหลือ) เพศนั้นมีความหลากหลาย รวมไปถึงกลุ่มความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นใหม่ๆ การมีคำจัดความทำให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายและชัดเจน

ทรานส์ ถูกต่อต้านจากกลุ่มความหลากหลายทางเพศหรือไม่?

กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรของทรานส์ที่ดี สนับสนุน เคารพ และยกย่องทรานส์ แต่มีบางคนอาจไม่คิดเช่นนั้น มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ชายหญิงบางคน รวมถึงบางคนที่เป็นเกย์ เลสเบี้ยน หรือไบเซ็กชวล ความไม่เข้าใจในความต้องการที่ต่างออกไป ทั้งในเรื่องตัวตน สิทธิที่ทรานส์พึงได้รับ อาจไม่เหมือนกับคนในกลุ่ม LGB จึงไม่สนับสนุนทรานส์ เหตุผลทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่รู้ ขาดประสบการณ์ร่วม จึงนำไปสู่การเกลียดกลัวและต่อต้านคนข้ามเพศได้

ประวัติความเป็นมาของการเคลื่อนไหวในเรื่องเพศสภาพ และกลุ่มคนชายขอบมีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ การถูกตรีตรา เหมารวมเป็นสิ่งที่เราเผชิญอยู่ รวมทั้งคนผิวสี เชื้อชาติ ชนกลุ่มน้อย กลุ่มคนพิการ รวมถึงกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ล้วนแต่เผชิญปัญหาความไม่เท่าเทียม และการเข้าถึงสิทธิ์และสวัสดิการของรัฐอยู่เหมือนกัน ในหลายประเทศยังปฏิบัติต่อคนชายขอบเหมือนพลเมืองชั้นสอง ไม่ต่างกับทรานส์ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากคนในกลุ่มเดียวกัน และอาจเป็นเพราะคนในสังคมยังไม่มองเห็นปัญหา ต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจการเลือกปฏิบัติและเราต้องยืนหยัดต่อสู้ในสิทธิของเราที่มีมาอย่างยาวนาน และยังคงย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต ทำให้เราต้องศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของคนในกลุ่มเดียวกัน ตอกย้ำ ตระหนักรู้ เห็นอกเห็นใจ เพราะเรายังคงต่อสู้ดิ้นรนกันต่อไป เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือความเท่าเทียมในสังคมให้เกิดขึ้นต่อไป เพราะต่อให้เราได้กฎหมายบางอย่างมา ก็มีเรื่องที่ต้องผลักดันและเคลื่อนไหวเรื่องนี้กันต่อไปหยุดไม่ได้ เพราะการสร้างความรู้ความเข้าใจ อาจจะจำเป็นในทุกยุคทุกสมัย ปรับเปลี่ยนไปตามบริบทสังคมและช่วงเวลาอาจไม่มีวันสิ้นสุดก็เป็นได้