Sisterhood

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

16 ชั่วโมงที่แล้ว

[ลิปซิงค์ไม่ใช่แค่การแสดง: เมื่อเสียงของควีนดังก้องในร้าน Castro แห่ง Boyztown พัทยา]

หากจะเอ่ยถึงศิลปะที่ยกระดับวัฒนธรรมของชุมชน LGBTQ+ ให้กลายเป็นพลังแห่งความภาคภูมิใจและความกล้าในการเป็นตัวของตัวเอง การแสดงลิปซิงค์คือหัวใจของปรากฏการณ์นั้น ในย่าน Boyztown พัทยา หนึ่งในพื้นที่ ... ดูเพิ่มเติม

[ลิปซิงค์ไม่ใช่แค่การแสดง: เมื่อเสียงของควีนดังก้องในร้าน Castro แห่ง Boyztown พัทยา]

หากจะเอ่ยถึงศิลปะที่ยกระดับวัฒนธรรมของชุมชน LGBTQ+ ให้กลายเป็นพลังแห่งความภาคภูมิใจและความกล้าในการเป็นตัวของตัวเอง การแสดงลิปซิงค์คือหัวใจของปรากฏการณ์นั้น ในย่าน Boyztown พัทยา หนึ่งในพื้นที่ปลอดภัยที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดของเมืองไทย ร้าน Castro Bar ได้กลายเป็นเวทีแห่งศิลปะการลิปซิงค์ ที่เปล่งประกายด้วยแดร็กควีนและนักแสดงชายในชุดแฟนซี ที่สื่อสารพลัง ความรัก และความหวังผ่านริมฝีปากที่เคลื่อนไหวตามบทเพลงของดีว่าในตำนาน

Castro Bar ตั้งอยู่ที่ ซอยพัทยาแลนด์ 3 หรือที่รู้จักในนาม Soi 13/4 ถือเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมการแสดง LGBTQ+ ในพัทยามานานนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ร้านนี้เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่จัดแสดงโชว์คาบาเรต์ที่ไม่เพียงแต่บันเทิง แต่ยังมีบทบาทเชิงวัฒนธรรมในการยืนยันการมีอยู่ของคนที่เคยถูกผลักให้อยู่นอกขอบสังคม บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยพลังงานแห่งการปลดปล่อย และความเป็นกันเองระหว่างผู้แสดงและผู้ชมที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษาเดียวกัน แค่หัวใจเดียวกันก็เพียงพอ

นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Castro Bar มักมาจากประเทศที่เคารพความหลากหลายทางเพศ เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยพวกเขามองว่าร้านแห่งนี้ไม่ใช่แค่บาร์ แต่คือสถานที่ที่ได้สัมผัสวัฒนธรรมควีนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เต็มไปด้วยความกล้าและความสวยงามท่ามกลางสังคมที่ยังเปราะบางต่อความแตกต่าง การมาเยือนที่นี่จึงเปรียบเสมือนการแสดงความเคารพต่อ “เสียง” ที่ไม่ได้พูดด้วยคำพูด แต่เปล่งออกมาด้วยริมฝีปากและแววตาของผู้แสดง

ลิปซิงค์ในร้าน Castro ไม่ใช่เพียงการเลียนแบบเสียง แต่มันคือการเชิดชูตัวตนที่หลากหลาย มันเป็นเครื่องมือแห่งการปลดปล่อย การเยียวยา และการยืนยันว่าแม้เสียงเราจะไม่ได้ถูกบันทึกในเพลง แต่ตัวตนของเราก็ยังมีคุณค่าเหนือคำบรรยาย การแสดงในแต่ละค่ำคืนคือบทกวีแห่งการมีชีวิต เป็นเวทีที่เปล่งเสียงให้กับคนที่สังคมไม่เคยฟังอย่างตั้งใจ และที่นี่ — เสียงเหล่านั้นดังก้องเสมอ

#CastroBar #ลิปซิงค์วัฒนธรรมควีน #Boyztownพัทยา #LGBTQThailand #สมัยสาวสาว #สสครูธัญ #พรรคประชาชน

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

1 วันที่แล้ว

[เมื่อความรุนแรงซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม: คดีสะเทือนใจ “น้องมีนา” กับความจำเป็นของกฎหมาย Hate Crime]

มูลนิธิสวิง พัทยา หนึ่งในองค์กรแนวหน้าเพื่อสิทธิของผู้ประกอบอาชีพบริการทางเพศ ได้ร่วมกับอีก 53 องค์กร ขับเคลื่อนประเด็น “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” (Hate Crime) โดยเรียกร้องให้รัฐออกกฎห ... ดูเพิ่มเติม

[เมื่อความรุนแรงซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม: คดีสะเทือนใจ “น้องมีนา” กับความจำเป็นของกฎหมาย Hate Crime]

มูลนิธิสวิง พัทยา หนึ่งในองค์กรแนวหน้าเพื่อสิทธิของผู้ประกอบอาชีพบริการทางเพศ ได้ร่วมกับอีก 53 องค์กร ขับเคลื่อนประเด็น “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” (Hate Crime) โดยเรียกร้องให้รัฐออกกฎหมายที่ชัดเจนในการป้องกันและจัดการกับอาชญากรรมที่มีรากฐานจากอคติด้านเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งยังไม่ถูกบัญญัติไว้อย่างเป็นระบบในกฎหมายไทยปัจจุบัน

กรณี “น้องมีนา” หญิงข้ามเพศที่ถูกฆาตกรรมเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมหันมาสนใจถึงความรุนแรงที่มีแรงจูงใจจากความเกลียดชัง โดยจากข้อมูลที่เปิดเผยโดยคุณแอนนา ผู้แทนมูลนิธิสวิง พบว่า ผู้ต้องหาได้ติดต่อหญิงข้ามเพศถึง 4 ราย ก่อนตัดสินใจลงมือกับผู้เสียชีวิต เป็นการชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่มีแบบแผนมากกว่าการกระทำโดยบันดาลโทสะตามที่อ้างไว้ในชั้นสอบสวน

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย มูลนิธิสวิงได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เช่น การจัดอบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแก่ผู้ให้บริการทางเพศ รวมถึงคำแนะนำในการใช้สถานที่นัดพบแบบไม่เปิดเผย และการเก็บรหัสปลดล็อกมือถือไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลในกรณีเกิดเหตุร้ายได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีโดยตรง

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงคดีฆาตกรรมธรรมดา แต่คือภาพสะท้อนของความรุนแรงจากอคติทางเพศ ที่ยังไม่มีระบบกฎหมายป้องกันอย่างครอบคลุม การผลักดันให้มีกฎหมาย Hate Crime จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อไม่เพียงปกป้องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เพื่อคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนในสังคมอย่างเท่าเทียม

#SWINGFoundation #HateCrime #น้องมีนา #ความรุนแรงจากอคติ #สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ #สิทธิคนข้ามเพศ #อาชญากรรมจากความเกลียดชัง
#สสครูธัญ #พรรคประชาชน

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

1 วันที่แล้ว

[วันที่ 17 พฤษภาคม กับการเรียกร้องต่อการเลือกปฏิบัติ: สมรสเท่าเทียมไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของความเท่าเทียม]

วันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี คือวันที่ทั่วโลกร่วมรำลึกถึง วัน IDAHOBIT (International Day Against Homophobia, Biphobia, and Transphobia) ซึ่งเป็นวันต่อต้านความเกลียดชัง ... ดูเพิ่มเติม

[วันที่ 17 พฤษภาคม กับการเรียกร้องต่อการเลือกปฏิบัติ: สมรสเท่าเทียมไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของความเท่าเทียม]

วันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี คือวันที่ทั่วโลกร่วมรำลึกถึง วัน IDAHOBIT (International Day Against Homophobia, Biphobia, and Transphobia) ซึ่งเป็นวันต่อต้านความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติจากรสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ และเพศวิถี วันสำคัญนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศถอดการรักเพศเดียวกันออกจากบัญชีโรคทางจิตเวชเมื่อปี 1990

ประเทศไทยเองก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างสำคัญในปีนี้ ด้วยการ ประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 แต่แม้จะมีกฎหมายรับรองสิทธิแล้ว กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศยังคงเผชิญกับอคติ การกีดกัน และความรุนแรงที่ฝังรากอยู่ในชีวิตจริง

อคติที่หลบซ่อนอยู่หลังคำว่า “สิทธิ”

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน คือกรณีของ คุณชัชชัย หญิงข้ามเพศวัย 27 ปี ซึ่งถูกบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการเลิกจ้างก่อนสิ้นสุดช่วงทดลองงาน โดยไม่มีเหตุผลเรื่องผลงาน ทั้งยังถูกหัวหน้างานแสดงอคติว่า “ไม่ชอบสาวประเภทสอง” นี่คือตัวอย่างของ การเลือกปฏิบัติเพราะอัตลักษณ์ทางเพศ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง

อีกกรณีที่สร้างแรงสะเทือน คือการ ฆาตกรรมหญิงข้ามเพศที่พัทยาโดยชายชาวต่างชาติ ซึ่งแม้คดีจะยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ลักษณะการกระทำสะท้อนถึง ความเกลียดชังและความรุนแรงทางเพศสภาพ อย่างเข้มข้น กรณีนี้ควรได้รับการยอมรับว่าเป็น “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” (Hate Crime) แต่ประเทศไทยยังไม่มีกรอบกฎหมายรองรับ ส่งผลให้ผู้กระทำผิดอาจไม่ต้องรับผิดตามลักษณะความผิดที่แท้จริง และผู้เสียหายก็อาจไม่ได้รับความยุติธรรมโดยสมบูรณ์

สมรสเท่าเทียมไม่เพียงพอ ถ้าสังคมยังมีอคติ

แม้จะมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่กลุ่ม LGBTQIA+ ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดและความไม่เท่าเทียม เช่น
• การขาดสิทธิรับรองสมรสในบางประเทศไม่อนุญาต ไม่ออกใบรับรองสถานะโสดให้ แม้จะจดทะเบียนในไทยก็ตาม
• การเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน ทั้งที่ความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าใคร
• การไม่สามารถเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อตามอัตลักษณ์ทางเพศในเอกสารราชการ
• การเข้าถึงสิทธิและบริการที่ควรได้รับในฐานะพลเมืองอย่างเท่าเทียม

แม้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 แต่ความจริงกลับสวนทาง เมื่อ ร่างกฎหมายรับรองเพศและคำนำหน้านามถูกปัดตกในรัฐสภาเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อคติทางสังคมยังฝังรากลึกอยู่ แม้เจตนารมณ์ของกฎหมายจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม

เส้นทางข้างหน้า: แค่กฎหมายไม่พอ ต้องเปลี่ยนทั้งระบบและทัศนคติ

ในวัน IDAHOBIT ปีนี้ เราจึงควรถามตัวเองอย่างจริงจังว่า
“ความเท่าเทียมเกิดขึ้นจริงแล้วหรือยังในชีวิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศ?”

เพื่อเดินหน้าต่อ เราต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างและวัฒนธรรม ดังนี้:
• บัญญัติ “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” ไว้ในประมวลกฎหมายอาญา
• ให้กระทรวงยุติธรรมสร้างกลไกเชิงรุกในการป้องกันการเลือกปฏิบัติ
• ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รัฐและนายจ้างให้เข้าใจความหลากหลายทางเพศ
• ผลักดันกฎหมายรับรองเพศ คำนำหน้าชื่อ และสิทธิในการใช้ชีวิตตามอัตลักษณ์ของตนเอง

การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศไม่ใช่เพียงความอยุติธรรมรายบุคคล แต่คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่กัดกินศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากเราต้องการเห็นสังคมที่เท่าเทียมอย่างแท้จริง เราจำเป็นต้อง กล้าเผชิญหน้ากับอคติ เปลี่ยนกฎหมาย ปรับนโยบาย และเปิดใจยอมรับความหลากหลายของกันและกัน

#สสครูธัญ #พรรคประชาชน #IDAHOBIT #Idahot

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

1 วันที่แล้ว

[พัทยาในวันที่นักท่องเที่ยวจีนหายไป: แรงกระเพื่อมที่กระทบแรงงานข้ามเพศ]

เมื่อพูดถึงเมืองพัทยา ภาพของแสงสีและนักท่องเที่ยวคึกคักอาจผุดขึ้นในความทรงจำของหลายคน แต่สำหรับแรงงานในภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศที่ทำงานให้ความบันเทิงบนเรือกลางคืน “อ่าวนางฟ้า” และ “อ่าวราชินี” ภาพนั้ ... ดูเพิ่มเติม

[พัทยาในวันที่นักท่องเที่ยวจีนหายไป: แรงกระเพื่อมที่กระทบแรงงานข้ามเพศ]

เมื่อพูดถึงเมืองพัทยา ภาพของแสงสีและนักท่องเที่ยวคึกคักอาจผุดขึ้นในความทรงจำของหลายคน แต่สำหรับแรงงานในภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศที่ทำงานให้ความบันเทิงบนเรือกลางคืน “อ่าวนางฟ้า” และ “อ่าวราชินี” ภาพนั้นกำลังเลือนลางลงท่ามกลางความเงียบเหงาทางเศรษฐกิจ

มูลนิธิซิสเตอร์ พัทยา ซึ่งทำงานด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชนของบุคคลข้ามเพศ โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้มีเชื้อ HIV เป็นองค์กรแรกที่พูดคุยตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ในขณะที่ธัญยังสังกัดพรรคอนาคตใหม่ และยังคงเป็นพันธมิตรในการเคลื่อนไหวทางสังคมอย่างใกล้ชิดเรื่อยมา

จากการสัมภาษณ์ทีมงานมูลนิธิ ได้แก่ จิรณัฏฐ หิรัญปวรทิพย์ (วุ้นเส้น), กาญจน์ณภัทร กระจันทร์ (ไก่โต้ง) และ ณัฏฐ์ชนินทร์ อุปนันท์ (ตุ๊กติ๊ก) พบว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในพัทยาซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบหลายประการ โดยเฉพาะการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ

สาเหตุสำคัญหนึ่งคือ การปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา และกรณีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับนักแสดงจีนถูกลักพาตัวที่เชื่อมโยงกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความรู้สึกปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้ทั้งกรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยวรายบุคคลหายไปจากแผนที่การท่องเที่ยวไทย

ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากอินเดียเริ่มเพิ่มขึ้น และกลุ่มจากยุโรปยังมีอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยกำลังซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในอดีตได้ รายได้ของแรงงานข้ามเพศในภาคบริการจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนต้องเผชิญกับรายได้ที่ไม่แน่นอนแต่มีภาระค่าใช้จ่ายถาวร ทั้งค่าที่พัก ค่ายา และการยังชีพ

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจของแรงงานในภาคบริการที่ยังขาดหลักประกันพื้นฐานอย่างครอบคลุม และยังชี้ให้เห็นว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองท่องเที่ยวไม่อาจมองข้ามเสียงของแรงงานที่อยู่แนวหน้าได้อีกต่อไป

#พัทยา #แรงงานข้ามเพศ #HIV #สิทธิมนุษยชน #มูลนิธิซิสเตอร์ #ท่องเที่ยวไทย #เศรษฐกิจฐานราก #นักท่องเที่ยวจีน #TransRightsTH #สมัยสาวสาว #สสครูธัญ #พรรคประชาชน #สสยอดชาย

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

น้องเกรซ กุสุมาร์

2 วันที่แล้ว

✨ กลับมาอีกครั้ง กับการประกวด POK MODEL 2025 By SWING✨ ปีที่2
🥇รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง 10,000 🏆👑
🥈รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 5,000
🥉รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 3,000
🎗️รองวัลชมเชย 2 รางวัล รางวัลละ 1,000
🎗️Popular Vote 3,000
🎗️พยายามเปรี้ยว 1,000
📌 กติกา : หั ... ดูเพิ่มเติม

0 ถูกใจ

Trending Now