ทรานส์ หรือ คนข้ามเพศ เป็นเรื่องใหม่ในสังคมหรือเปล่า? เหตุใดจึงมีทรานส์มากขึ้นกว่าเดิม? ทำไมถึงคิดคำบัญญัติเพศใหม่ๆขึ้นมา? ทำไมการสร้างการตระหนักว่าทรานส์มีตัวตนจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอ? และเรากำลังต่อสู้เพื่ออะไร?
การเป็นทรานส์เป็นเรื่องใหม่หรือเปล่า?
เมื่อเร็วๆ นี้มีทรานส์จำนวนมากที่รู้สึกปลอดภัย และได้รับการยอมรับมากพอที่จะออกสู่สังคมและภูมิใจในตัวเอง ทั้งในด้านการเมือง สื่อ ชุมชนของเรา เพื่อน สมาชิกในครอบครัว และทั่วโลก แต่ในความเป็นจริง การยอมรับจากสังคมและในตัวบทกฎหมายยังมีอยู่น้อยมากในความเป็นจริง ดังนั้นคำถามมากมายเกี่ยวกับทรานส์จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องในความเข้าใจในหลายส่วน ดังนั้นเรามาเจาะลึกและตอบคำถามเหล่านั้นกันดีกว่า
ทรานส์เป็นกลุ่มคนที่เกิดขึ้นมาใหม่ใช่หรือไม่?
คำตอบง่ายๆ คือ ไม่ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเรานิยามคำว่า ทรานส์ ไว้อย่างไร
คำว่า ทรานส์ มีการใช้อย่างแพร่หลายในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 เท่านั้น ดังนั้น หากเราใช้คำนี้เพื่อหมายถึงเฉพาะผู้ที่นิยามตนเองว่า "ทรานส์" ประวัติศาสตร์นั้นย้อนหลังไปไม่ถึงศตวรรษ แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็สามารถพูดได้ว่าไม่มีเพศตรงข้ามในประวัติศาสตร์ก่อนปี 1868 ซึ่งเป็นช่วงที่คำนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกโดย Karl-Maria Kertbeny อย่างไรก็ตาม หากเรากำลังพูดถึงคนที่เปลี่ยนเพศที่สันนิษฐานว่าเป็นตั้งแต่แรกเกิด (ซึ่งเป็นคำนิยามกว้างๆ ของทรานส์) หรือใช้ชีวิตข้ามเพศ มีหลักฐานว่าคนประเภทนี้มีอยู่ในเกือบทุกๆ วัฒนธรรมและทุกทวีปตั้งแต่ก่อนมีการจดบันทึก
ความหมายที่แท้จริงนั้นแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาและวัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ แต่ถึงแม้จะไม่มีการใช้ภาษาเดียวกัน ประสบการณ์และพฤติกรรมเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นอยู่ในประวัติศาสตร์ การศึกษาประวัติศาสตร์ทรานส์เป็นการสำรวจเก็บข้อมูลกลุ่ม ซึ่งอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างแน่ชัด การเชื่อมโยงกับชุมชน และภาษาที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน มีสิ่งหนึ่งที่มีส่วนร่วมกันคือประสบการณ์ที่คล้ายของทรานส์ในหลายๆ
แม้ว่าคำว่าทรานส์จะทันสมัย แต่ผู้คนก็เปลี่ยนจากเพศหนึ่งไปอีกเพศหนึ่งมาเป็นเวลานานแล้ว และประวัติศาสตร์ของทรานส์ศก็พิจารณาถึงแนวการความเคลื่อนไหวทางสังคมนั้น Emily Skidmore, Associate Professor, U.S. History, Gender and Sexuality, Texas Tech University
แม้ว่าประวัติศาสตร์ทรานส์จำนวนมากและประสบการณ์ของบุคคลมาจากในอเมริกาและสหราชอาณาจักรในศตวรรษที่ 20 แต่ผู้คนที่ใช้ชีวิตข้ามเพศก็มีอยู่และอาศัยอยู่ในแทบทุกสังคมตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นมา รวมถึงในกลุ่มชนเผ่า First Nations ทั่วออสเตรเลีย สหรัฐฯ และทั่วโลก ในอินเดีย ยุโรป ไทย หมู่เกาะแปซิฟิก ทั่วแอฟริกา และที่อื่นๆ
แม้ว่าจะมีชื่อต่างๆ ในประวัติศาสตร์ที่เป็นที่รู้จักกันดีเป็นพิเศษ บุคคลสำคัญที่ทำให้ชีวิตทรานส์ปลอดภัยขึ้น อยู่ง่ายขึ้น และได้รับการยกย่องนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน เราขอให้ชุมชนของเรา ระลึกถึงผู้บุกเบิกกลุ่มทรานส์ ขอขอบคุณผู้บุกเบิกกลุ่มข้ามเพศของเรา ผู้ที่ต่อสู้เพื่อเราทุกคน และอีกหลายคนที่ชีวิตจบลงก่อนวัยอันควร สิ่งที่คุณขับเคลื่อนสังคมและการสนับสนุนของคุณยังคงมีความสำคัญ และเราให้เรามีที่ยืนหยัดในสังคม เราจะยังคงต่อสู่กันต่อไป
เราเรียกบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างไรในเมื่อคำนี้ยังไม่ได้ถูกใช้?
ภาษามีการเปลี่ยนแปลงตลอด และเรามักจะสร้างหรือนำคำมาใช้ใหม่เพื่ออธิบายสิ่งที่เรายังไม่มีคำศัพท์ เวลาที่ผ่านไป จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น และการถือกำเนิดของอินเทอร์เน็ตทำให้สังคมยุคใหม่มีวิธีการใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อและทำความเข้าใจในรูปแบบที่อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับบรรพบุรุษของเรา ทรานส์เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ โดยเริ่มจากแพทย์ จากนั้นสมาชิกในชุมชนก็อ้างสิทธิ์ใหม่เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่มีภาษาร่วมกันไว้ล่วงหน้า
เหตุผลหนึ่งที่เราใช้ภาษานี้ (โดยเฉพาะคำศัพท์ทั่วไป) คือเพื่อพูดคุยและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ที่คล้ายกันของการไม่เป็นไปตามความเป็น cis ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เราเห็นสะท้อนอยู่ในผู้คนตลอดประวัติศาสตร์ นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการมองสมาชิกโฮโมเซเปียนยุคแรกๆ แล้วเรียกพวกเขาว่า "มนุษย์กลุ่มแรก" คนเหล่านี้ไม่ได้ใช้คำเหล่านั้นในตอนนั้นอย่างแน่นอน (แทบจะไม่ได้ใช้คำเลยเอาจริงเอาจัง) แต่เป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการมองย้อนกลับไปและจัดกลุ่มกลุ่มที่มีประสบการณ์คล้ายกันเพื่อให้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับ พวกเขาอย่างชัดเจน เมื่อเราดูบุคคลในประวัติศาสตร์ พวกเขาอาจจะไม่ได้ใช้ภาษาที่เราใช้อยู่ตอนนี้ แต่เราเห็นได้ว่าพวกเขามีความปรารถนา ความต้องการ และการกระทำที่คล้ายกันกับทรานส์คนอื่นๆ ตลอดประวัติศาสตร์และแม้กระทั่งทุกวันนี้
ทำไมถึงมีทรานส์มากกว่าเมื่อก่อน
อาจไม่เป็นแบบนั้นโดยตรง แต่อาจมีเหตุผลที่บ่งชี้ได้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ทรานส์หลายคนพูดถึงประสบการณ์การมีสำนึกเป็นทรานส์ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อมันอย่างไรจนกว่าพวกเขาจะเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับการมีอยู่ของทรานส์คนอื่นๆ ในอดีต โอกาสที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นมีน้อยกว่ามาก แต่ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อการมองเห็นทรานส์เพิ่มมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงสามารถตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง และพบว่าเป็นไปได้ที่จะยืนยันเพศของตนเองได้
เนื่องจากมีทรานส์ยืนยันตัวเองในที่สาธารณะมากขึ้น คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมีเพื่อนข้ามเพศ คู่รัก สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานมากขึ้นเท่านั้น สำหรับบางคน การได้พบกับทรานส์อีกคนในชีวิตจริงที่จุดประกาย และส่งต่อแรงบันดาลใจจากการยืนยันเพศของพวกเขา บ่อยครั้งที่ทรานส์คนแรกที่เรารู้จักในชีวิตคือตัวเราเอง ดังนั้นชุมชนจึงมีความสำคัญ เมื่อทัศนวิสัยนี้เพิ่มมากขึ้น การคุ้มครองทางกฎหมายและการรักษาพยาบาลที่ยืนยันเพศก็มีมากขึ้นเช่นกัน และด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และสามารถใช้ชีวิตและยืนยันตัวเองในแบบที่พวกเขาต้องการได้มากขึ้น
ผู้คนสร้างเพศใหม่ๆ มากขึ้นหรือไม่?
ผู้คนไม่เพียงแค่ยืนยันตัวเองว่าเป็นชายและหญิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเพศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น การเกิดขึ้นของบุคคลNon- Binary, Agender เพศเควียร์ เพศที่ไหลลื่น ไบเซ็กช่วล และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ควรจำไว้ว่าประเภทของชายและหญิงนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่ออธิบายประสบการณ์ทางเพศในวงกว้าง และเพื่อบังคับใช้บทบาททางเพศโดยเฉพาะการคิดถึงความสัมพันธ์ของคุณกับเพศของคุณก็อาจเป็นประโยชน์เช่นกัน กระบวนการที่เราดำเนินการเมื่อทำความเข้าใจว่าเราเป็นใคร และเรียนรู้ที่จะอธิบายสิ่งนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลึกซึ้งและไม่เหมือนใครสำหรับคนทุกเพศ นี่อาจหมายถึงเมื่อมีคนบอกว่าพวกเขาเป็นผู้มีเพศตรงข้าม ไม่ตอบสนองโดยพยายามจินตนาการว่าเป็นผู้มีเพศตรงข้าม แต่ให้พิจารณาว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเพศของตนเอง สำหรับทรานส์หลายๆ คน ความรู้สึกมั่นคงและสบายใจ และการคิดว่าทรานส์อาจมีความรู้สึกแบบเดียวกันเกี่ยวกับเพศของตนอาจเป็นประโยชน์ แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตาม
มันจะสำคัญไหมถ้ามีคนสร้างเพศใหม่ขึ้นมา?
หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมเราต้องสร้างเพศอื่นๆขึ้นมา? การคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศในรูปแบบใหม่ๆ บางครั้งอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นคง ยากลำบาก หรือแม้แต่เป็นภัยคุกคาม แต่จริงๆ แล้วสิ่งนี้มีความหมายสำหรับคุณอย่างไร? ลองคิดดูว่ามันจะส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างไรบ้าง มีมันแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก คุณยังคงเป็นเพศของคุณ และพวกเขาก็เป็นเพศของพวกเขา มันอาจเป็นแค่คำจำกัดความที่เกิดขึ้นเพื่ออธิบายให้กับคนอื่นได้เข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวคุณจะถูกเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ดังที่กล่าวไปแล้ว ผู้คนมักไม่ได้กำหนดเพศ แต่ใช้ภาษาที่อธิบายเพศของตนและความรู้สึกได้ดีที่สุด ซึ่งบางครั้งภาษานี้ก็เป็นสิ่งที่ให้ความไม่คุ้นชินในคำใหม่หรือนิยามใหม่
การตระหนักรับรู้ว่าทรานส์มีตัวตนเพียงพอหรือไม่?
ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วคุณเชื่อว่าทรานส์มีอยู่จริง นั่นคือเรื่องที่เยี่ยมมาก! แม้ว่าการยกย่องชมเชยและการเฉลิมฉลองเป็นวิธีสำคัญและยอดเยี่ยมในการเป็นพันธมิตร แต่การทำเช่นนั้นไม่ได้ส่งผลให้เรามีสิทธิ์ การคุ้มครอง สภาพความเป็นอยู่ และความปลอดภัยที่เราสมควรได้รับเสมอไป บทบาทของพันธมิตรไม่เพียงแต่ยืนยันทรานส์ในชีวิตของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสนับสนุน ต่อสู้ และอยู่เคียงข้างพวกเขาทั้งในทางสังคมและทางกฎหมายด้วย
การยืนยันเรื่องทรานส์กับการยืนยันเรื่องเพศ
คำเหล่านี้ดูเหมือนอาจฟังดูเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วแตกต่างกัน การยืนยันเพศ หมายถึงขั้นตอนหรือกระบวนการที่เราดำเนินการเพื่อยืนยันเพศของเรา ไม่ว่าจะเป็นในทางสังคม ทางการแพทย์ และ/หรือทางกฎหมาย ในประโยคเราสามารถพูดว่า 'เพศยืนยันการดูแลสุขภาพ' 'ฉันยืนยันเพศของฉัน' 'ฉันต้องการเริ่มต้นฮอร์โมนยืนยันเพศ' 'การตัดผมนี้ยืนยันเพศของฉันจริงๆ'
การยืนยันเรื่องทรานส์เป็นสิ่งที่ให้บริการและพื้นที่ในการมุ่งมั่นและส่งมอบเพื่อให้แน่ใจว่าทรานส์ได้รับการเคารพ ปกป้อง และยืนยัน สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อสะท้อนถึงการยอมรับในบริการและพื้นที่ของคุณ:
- สภาพแวดล้อม - บริการ สถานที่ทำงาน หรือพื้นที่ของฉันมีการยืนยันการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนและเห็นได้ชัดอย่างไร
- การตัดสินใจด้วยตนเอง - ลูกค้าทรานส์และพนักงานสามารถตัดสินใจด้วยตนเองว่าพวกเขายืนยันเพศของตนได้อย่างไร
- การยืนยัน - บริการ สถานที่ทำงาน หรือพื้นที่ของฉันยืนยันชื่อ คำสรรพนาม และเพศของลูกค้าข้ามเพศและพนักงานได้อย่างไร
- สิทธิ - ลูกค้าทรานส์และพนักงานได้รับการคุ้มครองที่นี่อย่างไร?
เราต่อสู้เพื่ออะไร?
แม้ว่าสิทธิของทรานส์จะมีการพัฒนาไปไกลในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องต่อสู้ต่อ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยังคงดำเนินการปรับปรุงการรับรองเพศสถานะทางกฎหมาย เพื่อเสริมสร้างพระราชบัญญัติต่อต้านการเลือกปฏิบัติ และในการสนับสนุนการต่อต้านกฎหมายที่เป็นอันตรายต่อทรานส์หรือเพศที่หลากหลายในชีวิต ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือความสัมพันธ์ของพวกเขา
พิมพ์เขียวของ ACON เพื่อการปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนทรานส์และความหลากหลายทางเพศในรัฐ NSW ครอบคลุมลำดับความสำคัญด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีหลายประการ ตามที่กำหนดโดยชุมชนทรานส์ในรัฐ NSW เช่น บริการดูแลสุขภาพที่รับรองเรื่องเพศที่ราคาไม่แพงและพร้อมให้บริการ แนวทางที่ชัดเจนในการเข้าถึงการดูแลดังกล่าว บันทึกและรหัสที่สะท้อนถึงเพศของผู้คนอย่างถูกต้อง และอัตลักษณ์และความต้องการของเราสะท้อนให้เห็นในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น สถานที่ทำงาน การศึกษา และที่อื่นๆ
ในไทยมีการนำเสนอ (ร่าง) พระราชบัญญัติรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพ และคุณลักษณะทางเพศ พ.ศ. …. หรือ ‘กฎหมายการรับรองเพศสภาพ’ (GENACT) ว่า ในร่างกฎหมายที่กำลังขับเคลื่อนมีต้นแบบมาจาก 3 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบที่ริเริ่มทำ, มอลตา ซึ่งเป็นต้นแบบในการครอบคลุมทุกเพศทุกอัตลักษณ์ โดยไม่ได้คำนึงถึงแค่คนข้ามเพศ แต่ยังรวมไปถึงอินเตอร์เซ็กซ์และนอนไบนารีอีกด้วย และไอซ์แลนด์ ในฐานะของประเทศที่กฎหมายนี้ก้าวหน้ามากที่สุด โดยหลักการที่สำคัญที่สุดในกฎหมายนี้ คือการคำนึงว่า ‘บุคคลย่อมมีเจตจำนงในการเลือกเพศให้กับตัวเอง’ โดยบุคคลมีสิทธิใช้คำนำหน้าและการระบุเพศสภาพในเอกสารราชการ ให้สอดคล้องกับเพศสภาพของตัวเอง ซึ่งมีหลายร่างจากทางภาคประชาชน จากพรรคการเมือง ที่ส่งเสนอกฎหมายเข้ากระบวนการของรัฐสภา
แม้ว่าจะมีการต่อสู้มากมายรออยู่ข้างหน้า และพันธมิตรของเรายังคงจับมือช่วยกันผลักดันและสนันสนุนให้ทรานส์ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงในอนาคต ความเข้าใจและการตระหนักรู้จึงไม่สามารถเสร็จสิ้นไปได้ เรายังคงต้องความรู้ความเข้าใจทั้งในตนเอง ครอบครัว และสังคมดำเนินอยู่ต่อไปในคนทุกรุ่น
อ้างอิงจาก:
New South Wales : Trans History
Transgender Victoria Report
The Definitive History of the Seahorse Society
A Brief History of Transgender, Transsexual, Intersex and Cross-Dresser Events and Organisations in Western Australia
Australia Queer Archives