วันที่ 25 ม.ค. 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าของนโยบายด้านสุขภาพที่มุ่งสนับสนุนความเท่าเทียมในสังคม โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ตอบสนองต่อนโยบายสมรสเท่าเทียมของรัฐบาล ซึ่งไม่เพียงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของประชาชน แต่ยังครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถือเป็นประชากรกลุ่มสำคัญที่ยังคงเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพในปัจจุบัน
การยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย
นายอนุกูลกล่าวว่า ในปัจจุบัน สังคมไทยมีความเข้าใจและเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางเพศมากขึ้น โดยไม่จำกัดความเป็นเพียงเพศชายหรือเพศหญิง แต่ยังรวมถึงกลุ่มบุคคลผู้มีอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่าง เช่น กลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการการดูแลสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ หนึ่งในความจำเป็นทางสุขภาพของกลุ่มนี้คือการบำบัดด้วยยาฮอร์โมน เพื่อปรับร่างกายให้สอดคล้องกับจิตใจ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการรักษาที่ช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา การเข้าถึงยาฮอร์โมนบำบัดยังคงเป็นเรื่องที่มีข้อจำกัด เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทำให้หลายคนในกลุ่มนี้ไม่สามารถรับการรักษาได้ และในบางกรณี อาจเลือกซื้อยาฮอร์โมนมาใช้เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
การจัดสรรงบประมาณเพื่อบริการสุขภาพกลุ่มคนข้ามเพศ
จากปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จึงได้อนุมัติการจัดสรรงบประมาณปี 2568 เป็นจำนวนเงิน 145.63 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสิทธิประโยชน์ใหม่ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศโดยเฉพาะ สิทธิประโยชน์ใหม่นี้จะให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 200,000 ราย โดยครอบคลุมบริการบำบัดด้วยยาฮอร์โมน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น
นายอนุกูลกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้จะช่วยให้กลุ่มคนข้ามเพศสามารถเข้าถึงยาฮอร์โมนบำบัดได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้ยาที่ไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังส่งเสริมสุขภาพจิต โดยช่วยให้ผู้รับบริการมีความมั่นใจในร่างกายที่ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง
สิทธิสุขภาพเท่าเทียมสำหรับทุกคน
นอกจากบริการยาฮอร์โมนแล้ว นายอนุกูลยังเน้นย้ำว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังครอบคลุมบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ ที่เท่าเทียมสำหรับกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่นเดียวกับประชากรทั่วไป บริการเหล่านี้รวมถึงการรักษาพยาบาล การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสมรรถภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม
“รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่สมควรได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างเหมาะสม การขับเคลื่อนนโยบายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพและสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น” นายอนุกูลกล่าว
การเดินหน้าสู่สังคมที่เท่าเทียม
การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเคารพความหลากหลายทางเพศ ซึ่งไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มนี้ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่า ทุกคนจะได้รับการดูแลและปกป้องสิทธิอย่างเท่าเทียมในระบบสุขภาพของประเทศ