ประเทศไทยได้ก้าวไปอีกขั้นในการส่งเสริมสิทธิด้านสุขภาพของคนข้ามเพศและผู้รับบริการด้านการยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender-Affirming Care) โดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศแนวทางการให้บริการด้านการบำบัดฮอร์โมน (Hormone Therapy) อย่างเป็นระบบภายใต้ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีผลประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568
นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยกำหนด มาตรฐานคลินิก บุคลากรทางการแพทย์ ระบบตรวจติดตามสุขภาพ และยาที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการรับบริการดังกล่าวได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาด้วยตนเอง หรือการเข้าถึงบริการที่ไม่มีมาตรฐาน
รายละเอียดสำคัญของนโยบาย
นโยบายนี้มุ่งหมายให้หน่วยบริการที่ต้องการให้บริการด้านฮอร์โมนสำหรับคนข้ามเพศ ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เรียกว่า Contracting Provider Profile (CPP) ซึ่งครอบคลุมด้าน:
- ความพร้อมของแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
- ความปลอดภัยของระบบการให้คำปรึกษาและสั่งจ่ายยา
- การติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- การใช้เวชระเบียนและระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อกับ สปสช.
รายการตรวจสุขภาพที่ครอบคลุม
เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ แพทย์จำเป็นต้องตรวจร่างกายและตรวจเลือดก่อนและระหว่างการรับฮอร์โมน โดยรายการตรวจที่กำหนดไว้ เช่น
Complete Blood Count (CBC) ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
FSH / LH / Estradiol / Testosterone เพื่อตรวจระดับฮอร์โมน
- ตรวจการทำงานของตับ (SGOT, ALT)
- ตรวจระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด
- ตรวจระดับอิเล็กโทรไลต์และการทำงานของไต
- การวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone Density) ในบางราย
การกำหนดแนวทางตรวจติดตามนี้ ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงระยะยาว และช่วยแพทย์ปรับขนาดยาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
รายการยาฮอร์โมนที่ได้รับรองให้ใช้ในการรักษา
นโยบายระบุ ยาที่ผ่านการรับรองและปลอดภัย ซึ่งสามารถจ่ายภายใต้ระบบ สปสช. ได้แก่
สำหรับผู้รับบริการหญิงข้ามเพศ (Transfeminine)
- Estradiol แบบเม็ด 1 mg และ 2 mg
- Estradiol แบบเจล (Transdermal) 0.06%
- ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย เช่น Cyproterone acetate และ Spironolactone
- ยากดการทำงานของต่อมใต้สมอง เช่น Leuprorelin หรือ Triptorelin
สำหรับผู้รับบริการชายข้ามเพศ (Transmasculine)
Testosterone Enanthate ฉีด 250 mg ตามรอบที่แพทย์กำหนด
การกำหนดรายการยาที่ชัดเจนนี้ ช่วยให้ผู้รับบริการเข้าถึงยาอย่างปลอดภัย ลดความจำเป็นต้องซื้อยาเองบนออนไลน์ หรือใช้ยาที่ไม่ได้มาตรฐานทางการแพท
ยกระดับระบบข้อมูลด้วย e-Claim และ NHSO Health Platform
นโยบายยังได้วางระบบ e-Claim และฐานข้อมูลสุขภาพ NHSO Health Platform เพื่อให้:
- โรงพยาบาลและคลินิกส่งข้อมูลการรักษาได้รวดเร็ว
- ผู้รับบริการได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างโปร่งใส
- ลดปัญหาความซ้ำซ้อนและการเข้าถึงบริการที่ไม่ต่อเนื่อง
ความสำคัญของนโยบายนี้ต่อสังคมไทย
นโยบายฉบับนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยในการ:
- ส่งเสริม ศักดิ์ศรีและสิทธิในร่างกาย ของคนข้ามเพศ
- ลดการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
- สนับสนุนการดูแลสุขภาพที่เป็นมาตรฐาน ปลอดภัย และยั่งยืน
- ตอบรับแนวคิดสาธารณสุขยุคใหม่ที่เน้น คุณภาพชีวิตและความเสมอภาค
นับเป็นอีกก้าวที่แสดงให้เห็นว่า การยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศคือสิทธิด้านสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องความสวยงามหรือแฟชั่น แต่เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่ควรได้รับการคุ้มครอง