Sisterhood

“คนเราเลือกเกิดไม่ได้…แต่เลือกที่จะทำได้“ เสียงจาก สาวข้ามเพศที่พิการไร้แขนขาแต่กำเนิด ที่ชื่อ “อุ้มบุญ หมายเขา” ระบุไว้กับ “ทีมวิถีชีวิต” โดยเธอคนนี้แจ้งเกิดจากเวทีประกวดนางงามข้ามเพศ ซึ่งเมื่อสังคมได้รับทราบเรื่องราวและแนวคิดชีวิตของเธอ ต่างก็ชื่นชมในความเป็น “นักสู้ชีวิต”  ของเธอคนนี้ และวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเธอ…

“ไปเองคนเดียว ไม่มีพี่เลี้ยงดูแลหรอกค่ะ เพราะเราอยากแสดงให้คนเห็นว่าเราทำได้เหมือนคนอื่นๆ” เสียงจาก “น้องอุ้มบุญ” หรือ “อุ้มบุญ หมายเขา” อายุ 23 ปี ซึ่งเป็น “สาวพิการทรานส์เจนเดอร์คนดัง” บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ก่อนจะเล่าประวัติโดยสังเขปให้ฟังว่า เธอพิการขาแขนตั้งแต่เกิด ซึ่งถึงแม้จะพิการร่างกาย แต่หัวใจของเธอไม่เคยหมดพลัง และด้วยความที่ชื่นชอบการแสดงและการประกวดนางงามมาก ๆ เธอจึงตัดสินใจส่งตัวเองขึ้นประกวดในหลายๆ เวที

ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว

สำหรับพื้นเพครอบครัวนั้น น้องอุ้มบุญเล่าว่า เธอเป็นคนศรีสะเกษ เป็นลูกคนเล็กในจำนวนลูก 2 คนของ “คุณพ่อถนัด” กับ “คุณแม่พนม” โดยครอบครัวเธอมีอาชีพทำนาและค้าขาย ซึ่งหลังเรียนจบชั้น ม.ต้น จากโรงเรียนกระแชงวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เธอได้ศึกษาต่อด้านคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนอาชีวะพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพคนพิการ และตอนนี้กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ภาคออนไลน์ โดยช่วงที่เรียนที่โรงเรียนพระมหาไถ่เป็นช่วงที่ชีวิตเธอพลิกแบบเพียงข้ามคืนจากคลิปสุดยอดรำไทย ที่เธอได้รำในพิธีเปิดกิจกรรมค่ายผูกสัมพันธ์สานฝันเด็กพิการครั้งที่ 9 ที่จัดโดยมูลนิธิศูนย์มิตรภาพมนุษย์ล้อเอเชีย ซึ่งกลายเป็นไวรัลจนทำให้มีคนรู้จักเธอมากขึ้นทั่วประเทศ และทำให้เธอได้ออกรายการต่าง ๆ

ส่วน “เส้นทางสายนางงาม” เธอบอกว่า ฝันอยากเป็นนางงามมาตั้งแต่เด็กแล้ว จึงตัดสินเข้าประกวดมาเรื่อย ๆ ซึ่งเวทีแรกคือ “นางสาวสยามข้ามเพศ” โดยตอนนั้นเธอรวบรวมความกล้าเพื่อทักหาผู้จัดงาน ระบุเหตุผลที่เธอขอเข้าร่วมประกวดเวทีดังกล่าว โดยเธอเล่าว่า ได้ถามผู้จัดงานว่า เธอไม่มีขาสองข้าง ไม่มีแขนหนึ่งข้าง สามารถเข้าประกวดได้หรือเปล่า? โชคดีที่ผู้จัดงานเปิดกว้าง จึงทำให้มีโอกาสได้เข้าประกวด… ’วันนั้นหนูดีใจมาก รีบนั่งรถจากพัทยาเพื่อเดินทางเข้าประกวดที่กรุงเทพฯ ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว เพราะเดินทางคนเดียว ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีคนคอยช่วย ซึ่งทุกอย่างเกิดจากการฝึกฝนจากออนไลน์ และก็ประสบความสำเร็จเพราะได้รับรางวัลพิเศษ จนทำให้มีคนรู้จักหนูเพิ่มขึ้น จากนั้นหนูก็เลยเดินสายประกวดนางงามข้ามเพศมาทั้งหมด 20 กว่าเวทีแล้ว (หัวเราะ) ซึ่งส่วนมากจะได้รางวัลพิเศษ ที่เข้ารอบลึกๆ ไม่ค่อยมี เพราะตอนนั้นสังคมยังไม่เปิดกว้างเท่ากับตอนนี้“

น้องอุ้มบุญเล่าต่อไปว่า ด้วยความที่พิการแขนข้างหนึ่งและขาสองข้างมาตั้งแต่เกิด แต่มีความฝันอยากจะเป็นนางงาม ทำให้เธอต้องพลิกแพลงฝึกฝนท่วงท่าการเดินแบบนางงาม รวมทั้งต้องอดทนอย่างหนัก เพราะการเดินประกวดบนเวทีแต่ละครั้งนั้น เธอไม่สามารถใส่รองเท้าส้นสูงหรือแม้แต่รองเท้าปกติได้ อีกทั้งการเก็บตัวในกองประกวดบางทีก็ต้องเดินบนปูนหรือกระเบื้องที่มีแดดร้อน บางครั้งจึงทำให้ต้องสัมผัสพื้นร้อน ๆ เกิดแผลถลอก แต่ก็ต้องอดทน เพราะร่างกายเธอไม่พร้อมเท่าคนอื่น โดยเธอพยายามคิดในแง่บวกว่า นี่เป็นโอกาสทำฝันของตนเองให้เป็นจริง ดังนั้น เรื่องเท่านี้เล็กน้อย

หยุดเดินสายประกวดเพราะได้งานทำ

เธอเล่าย้อนอีกว่า เคยหยุดเดินสายประกวดชั่วคราว เพราะได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีให้เข้าทำงาน ที่บ้านราชาวดีหญิง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานคุ้มครองเด็กพิเศษทางสติปัญญา แต่ด้วยความที่ยังชอบการประกวด อยากแต่งตัวสวย ๆ อยากไปยืนบนเวที และอยากให้คนเห็นว่า แม้จะพิการแขนขาก็ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เพื่อแสดงให้คนพิการคนอื่น ๆ เห็นว่า สามารถทำตามความฝันได้ ที่สุดเธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานเดิม และต่อมาได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานรับโทรศัพท์ประสานงานและคีย์ข้อมูล ซึ่งทำอยู่นาน 4 ปี พร้อม ๆ กับการเดินสายประกวดไปด้วย จนเมื่อเวทีประกวดเริ่มใหญ่ขึ้น ทำให้ต้องมีการเก็บตัว ต้องขึ้นลงกรุงเทพฯ บ่อย เธอก็กลัวจะมีปัญหากับงาน ซึ่งทำให้เธอถึงจุดที่ต้องเลือก

แล้วเธอก็ตัดสินใจลาออกมาทำตามฝัน โดยเวทีที่ประสบความสำเร็จครั้งแรก ที่เธอภูมิใจ คือ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 Miss Thailand Friendly Design 2023 หรือ นางงามทูตอารยสถาปัตย์ ปี  2566 โดยเธอบอกว่า นางงามทูตอารยสถาปัตย์นับเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร สภาพร่างกายแบบไหน เพศอะไร ก็มาประกวดได้ ถือเป็นเวทีที่แสดงถึงความหลากหลายจริง ๆ โดยหลังได้รับรางวัลรองชนะเลิศ เธอมีโอกาสได้ไปลงพื้นที่สำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนผลักดันเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการ อาทิ ทางลาด, ห้องน้ำ, ลิฟต์ สำหรับผู้พิการ เพื่อให้คนพิการเข้าถึงและใช้งานได้จริง แต่แล้วเธอก็ต้องเจอ “ดราม่าที่ไม่คาดคิด” โดยน้องอุ้มบุญเล่าว่า 

"มีผู้ปกครองผู้ประกวดบางคนไม่พอใจที่หนูเข้ารอบ จึงแสดงกิริยาไม่ดี พูดประชดประชันว่าเอาคนพิการเข้าไปทำไม แบบนี้ปีหน้าเขาจะตัดแขนตัดขามาประกวด ตอนฟังครั้งแรกหนูเสียใจมาก เพราะไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้ ทุกเวทีที่ประกวดเขาโอเคและยินดีที่หนูได้รางวัล ยินดีที่หนูได้เข้ารอบ ไม่มีใครที่มาพูดแทงใจดำหนูขนาดนี้ แต่หนูก็ไม่เก็บมาคิดต่อ คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถทำร้ายหนูได้แล้ว เพราะหนูมีเกราะป้องกันที่เข้มแข็งมาก ๆ เพราะเจอมาหมดแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ กับคำบูลลี่คำดูถูก ก็เลยมองข้าม และไม่ใส่ใจ แต่เอามาเป็นพลังทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อทำให้เขาเห็นว่า ฉันพิการ…แต่ฉันก็ประสบความสำเร็จได้“  เธอกล่าวเรื่องนี้ด้วยเสียงหนักแน่น และยังเล่าว่า

แม้เธอพยายามมองมุมบวกทุกเรื่อง เพื่อที่ชีวิตจะได้มีความสุข แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพียงแต่เธอก็ต้องรีบลุกขึ้นเร็วกว่าคนปกติ โดยเธอบอกว่า คนพิการจะต้องสู้มากกว่าคนปกติเป็น 2 เท่าในทุกเรื่อง เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข โดยไม่เป็นภาระของใคร เธอเองก็พยายามเปลี่ยนปมด้อยมาเป็นโอกาส ซึ่งน้องอุ้มบุญมองว่า คนพิการในเมืองไทยมีเยอะ แต่คนแบบเธอ คนพิการข้ามเพศที่กล้าจะออกมาจากเซฟโซนตัวเอง อาจจะมีน้อย เพราะคนพิการหลายคนกลัวสังคมมอง กลัวสังคมดูถูก แต่เธอมองข้าม เพราะมองว่า แม้จะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็คือคน ๆ หนึ่งในสังคมที่มีตัวตน… ’หนูคิดแบบนี้จริง ๆ นะคะ หนูไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร หนูแค่ขอโอกาสจากสังคมในเรื่องสิทธิที่หนูควรจะได้รับเท่านั้น“

น้องอุ้มบุญกล่าวถึงความรู้สึกในใจ พร้อมกันนี้ยังพูดถึง “ตำแหน่งล่าสุด” ของเธอว่า เวทีล่าสุดที่แจ้งเกิดเธอให้สังคมรู้จักมากขึ้นอีก คือ Miss Trans Thailand 2023 ซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่ม LGBTQ+ โดยเธอเข้าประกวดในฐานะตัวแทน จ.บึงกาฬ และได้รางวัลพิเศษ คือ รางวัลทูตพระราชบัญญัติรับรองเพศสภาพ ทำให้เธอมีหน้าที่เป็นตัวแทนคนกลุ่มนี้ในการยื่นกฎหมายเข้าสู่สภา เพื่อเรียกร้องเรื่องสิทธิในการรักษา สิทธิความเท่าเทียม รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ของกลุ่มคนข้ามเพศ ไม่ว่าจะเป็นการสมรสเท่าเทียม หรือการใช้คำนำหน้าชื่อที่กำลังมีการผลักดันกันอยู่ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ เห็นความสำคัญของเรื่องนี้

“สาวทรานส์เจนเดอร์” คนดังคนเดิมคนนี้ได้ย้ำทิ้งท้ายกับ “ทีมวิถีชีวิต” ว่า สิ่งที่เธออยากผลักดันให้เกิดขึ้นที่สุดคือ อยากให้สังคมเปิดกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการมีเวทีให้แก่ผู้พิการได้แสดงออกถึงความสามารถของตนเอง และอีกเรื่องที่เธอมุ่งมั่นจะทำต่อไปก็คือ สร้างแรงบันดาลใจให้คนที่เหมือนเธอ ด้วยการบอกสังคมว่า… ’คนพิการทุก ๆ คนนั้นก็มีฝัน…และเลือกทางเดินชีวิตได้

ความฝันที่อยากทำให้ได้

‘อีก 2 ฝัน’ ที่ ‘อยากทำให้ได้’

’หนูฝันอยากจะเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจหรือไลฟ์โค้ชมากค่ะ“ นี่ก็เป็นความฝันของ “อุ้มบุญ หมายเขา” ที่เธอย้ำไว้ โดยเธอเล่าว่า ความฝันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอเดินสายประกวดหลายเวที ก็เกิดไอเดียว่าอยากจะเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ โดยใช้ “จุดเด่น” ของเธอ “สร้างจุดสนใจให้คนอยากรับฟัง” เพื่อที่จะบอกทุกคนว่า ’อย่าท้อกับชีวิต“ และเธอเองยังมีอีกฝันที่ก็อยากทำให้ได้ คือ อยากทำธุรกิจ หรือ มีแบรนด์สินค้าของตัวเอง เพื่อจะมีรายได้มาดูแลครอบครัว ดูแลคุณพ่อคุณแม่… ’จริง ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงนะ โดยเฉพาะตอนที่ประกวดครั้งแรกท่านจะห่วงมาก แต่หนูบอกว่าอยากไปหาประสบการณ์ อยากลองใช้ชีวิตดู เพราะวันหนึ่งเมื่อท่านไม่อยู่แล้ว หนูต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้“

ขอบคุณข่าวจาก: Dailynews