Sisterhood

‘แม้ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่เพื่อยืนยันสิทธิ’ คู่รัก LGBTQIA+ เชียงใหม่ ‘จดแจ้งสมรสเท่าเทียม’ 


.
วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ช่างภาพข่าว THE STANDARD เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศจำนวน 12 คู่ เดินทางมาขอ ‘จดแจ้งสมรสเท่าเทียม’ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมเร่งรัดให้มีการออกกฎหมายสมรสเท่าเทียม
.
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ มีคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าร่วมจำนวน 12 คู่ โดยมีขบวนแห่ขันหมากและกลองยาวมายังที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ก่อนจะเข้าไปดำเนินการเขียนคำร้องขอจดทะเบียน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนได้อำนวยความสะดวกให้คู่รักทั้งหมดได้ลงชื่อในแบบคำร้องขอจดทะเบียนและบันทึกทะเบียนครอบครัวตามที่ทุกคู่ประสงค์ หลังจากนั้นผู้จัดกิจกรรมได้แจกทะเบียนสมรสจำลองให้กับคู่รักทุกคู่ จากนั้นคู่รักร่วมกันตัดเค้ก โยนดอกไม้ และมีการแสดง Performance Art ปิดท้าย


.
ด้าน ศิริศักดิ์ ไชยเทศ แกนนำจัดงานสมรสเท่าเทียมเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันแห่งความรัก หรือ Valentine's Day คู่รักชาย-หญิงต่างพากันไปจดทะเบียนสมรส ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ อย่างมากมาย แต่คู่รักเพศหลากหลาย (LGBTQIA+) กลับไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้เนื่องจากกฎหมายสมรสปัจจุบันยังคงให้สิทธิจดทะเบียนสมรสสำหรับเพศชายและเพศหญิงเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมจึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา
.
แม้การขอจดแจ้งในวันนี้จะไม่มีผลใดๆ ในทางกฎหมาย แต่เป็นการร่วมยืนยันสิทธิในการจัดตั้งครอบครัวให้กับทุกเพศ ไม่เฉพาะชายกับหญิงเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการยืนยันข้อเรียกร้องที่ต้องการเร่งผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทยให้สามารถประกาศใช้ในปี 2567 เพราะสิทธิในการจดทะเบียนสมรสไม่ใช่สิทธิของเพศใดเพศหนึ่ง แต่เป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคนที่ควรได้รับเท่าเทียมกัน


.
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยมีการเปลี่ยนรัฐบาลบริหารประเทศ ส่งผลให้การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมชะงักจนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่วันนี้สามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาได้แล้ว ดังนั้น ควรเร่งให้ออกกฎหมายเพื่อเป็นการรับรองสิทธิและความเท่าเทียมของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศโดยเร็ว
.
เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ
.
#TheStandardPhoto #TheStandardNews #พงศ์มนัสทาศิริ

อ้างอิง: THE STANDARD