Sisterhood

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 กระทรวงสาธารณสุขประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญด้านสิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดย นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ลงนามเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณจำนวน 145.62 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ฮอร์โมนในกลุ่มคนข้ามเพศอย่างเป็นระบบ โดยจะบรรจุไว้ในชุดสิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

ปัญหาที่คนข้ามเพศต้องเผชิญกับการใช้ฮอร์โมนที่ไม่ปลอดภัย

การจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้ เป็นการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลข้ามเพศที่ต้องการเข้าถึงฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศสภาพ (Gender Affirming Hormone Therapy) อย่างปลอดภัยและมีมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา พบว่าหลายคนจำเป็นต้องพึ่งพายาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนที่ซื้อเองจากร้านขายยาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ บางรายรับประทานยาหรือฉีดยาตามคำแนะนำของเพื่อนหรือรุ่นพี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

รองโฆษกกระทรวงฯ ระบุเพิ่มเติมว่า การใช้ฮอร์โมนอย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ภาวะกระดูกพรุน, ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ, โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือมะเร็งบางชนิด รวมถึงปัญหาทางจิตใจ เช่น อารมณ์แปรปรวนหรือภาวะซึมเศร้า และที่อันตรายอย่างยิ่งคือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ปอด หรือสมอง

เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้ฮอร์โมนบำบัด สปสช. ได้เพิ่มรายการยาที่จำเป็นต่อการใช้ฮอร์โมนในกลุ่มคนข้ามเพศจำนวน 6 รายการ ได้แก่

  • Leuprorelin injection
  • 17 Beta Estradiol tablet
  • Estradiol transdermal
  • Testosterone Enanthate injection
  • Cyproterone Acetate tablet
  • Spironolactone tablet

โดยยาทั้งหมดนี้จะถูกจัดซื้อผ่านแผนจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นภายใต้โครงการพิเศษ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ในสถานพยาบาลของรัฐ

การดูแลด้วยมาตรฐานทางการแพทย์

hormones

นายจิรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนบำบัด (Hormone Therapy) ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพโดยละเอียด รวมถึงประเมินความพร้อมด้านจิตใจของผู้รับบริการ ก่อนเริ่มกระบวนการปรับฮอร์โมนอย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของบุคคลข้ามเพศในการซื้อฮอร์โมน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะลดลงถึงเดือนละ 1,000–2,000 บาท และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้ฮอร์โมนอย่างไม่ถูกวิธีอีกด้วย

การดำเนินโครงการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), ราษฎร์วิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทย, และสมาคมเพื่อพัฒนาสุขภาพบุคคลข้ามเพศและเพศหลากหลาย (Thai-PATH) ที่ร่วมกันสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการดูแลที่ครอบคลุม ปลอดภัย และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เสียงสะท้อนจากรัฐมนตรี: สุขภาพที่ดี คือสิทธิของทุกคน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการยอมรับความหลากหลายทางเพศของสังคมไทย การให้สิทธิในการดูแลสุขภาพอย่างเท่าเทียม คือการเคารพในศักดิ์ศรีของทุกชีวิต”

การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างเท่าเทียม.